สมาคม Thai Startup จับมือรัฐ – เอกชน – สมาคม กว่า 40 องค์กร ร่วมติดปีกสตาร์ทอัพไทย

สมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย หรือ “Thai Startup” เผยเพนท์พอยท์จากสมาชิกและพันธมิตรที่เป็นความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ พบ 70% ขาดแหล่งทุนเพื่อการขยายธุรกิจ 40% ขาดทีมงานด้านเทคโนโลยี และ 35% ยังไม่มีโมเดลธุรกิจ ล่าสุดเปิดตัวคณะกรรมการสมาคมฯ ชุดใหม่จากหลากหลายอุตสาหกรรมประกาศวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยด้วย 3 แกนหลัก รวมสตาร์ทอัพไทยให้เป็นหนึ่ง ผูกพันธมิตรรอบด้าน และสร้างความแตกต่างให้กับสังคม

ผศ.ดร. ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยหรือ “THAI STARTUP” และผู้ร่วมก่อตั้ง iTAX เปิดเผยว่า จากการสำรวจสมาชิกของสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยและพันธมิตรกว่า 100 ราย พบอุปสรรคของสตาร์ทอัพไทย ดังนี้ 70% ขาดแหล่งทุนเพื่อการสเกล หรือ ขยายธุรกิจ 35% ขาดทีมงานด้านเทคโนโลยี และอีก 35% ไม่มีโมเดลธุรกิจ ซึ่งจากเพนพอยท์เหล่านี้สมาคมฯเล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องหาแนวทางในการปลดล็อกปัญหาเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสตาร์ทอัพไทยให้อัพเลเวลสู่ซีรี่ส์ต่อไป

ล่าสุด สมาชิกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยได้มีมติเลือกนายกสมาคม อุปนายก และคณะกรรมการชุดใหม่จำนวน 16 คน จากธุรกิจสตาร์ทอัพหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อร่วมทำงานสมาคมฯ ให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพและได้ประสิทธิผล โดย ผศ.ดร. ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมฯ นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังจะมีคณะกรรมการที่ปรึกษา ซึ่งจะเปิดตัวคณะกรรมการที่ปรึกษาดังกล่าวเร็ว ๆ นี้

“เรามีวิสัยทัศน์ที่จะขับเคลื่อนระบบนิเวศสตาร์ทอัพไทยจากประเทศไทยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคเทคโนโลยีจากต่างประเทศสู่ประเทศที่เป็นผู้ผลิตเทคโนโลยี ด้วย 3 แกนหลัก คือ Unite Startups รวมสตาร์ทอัพไทยให้เป็นหนึ่ง Engage Partner ประสาน 10 ทิศ ผูกพันธมิตรรอบด้าน และ Make an Impact ทำให้สตาร์ทอัพมีที่ยืนเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสังคมและเพื่อให้การทำงานของสมาคมฯเป็นไปอย่างเป็นรูปธรรม เราได้แบ่งหน้าความรับผิดชอบของคณะกรรมการแต่ละท่านให้ครอบคลุมฟังก์ชั่นที่จำเป็นในการผลักดันกิจกรรมต่าง ๆ ที่สมาคมฯ ตั้งเป้าไว้” ผศ.ดร. ยุทธนากล่าว

รายนามคณะกรรมการชุดใหม่ประกอบด้วย

  1. คุณณัฐพร สุชาติกุลวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านพัฒนารายได้ Happenn อุปนายกดูแลด้านการพัฒนาสมาชิกและการตลาด
  2. คุณธนกฤษณ์ เสริมสุขสัน ผู้ก่อตั้ง ฟอร์เต้ เวนเจอร์ อุปนายกดูแลด้านการกลยุทธ์และการต่างประเทศ
  3. คุณรับขวัญ ชลดำรงค์กุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย EasyCompany อุปนายกดูแลด้านกฎหมายและนโยบาย
  4. คุณชื่นชีวัน อานันโทไทย ผู้ร่วมก่อตั้ง Globish กรรมการและประธานด้านภาพลักษณ์องค์กร
  5. คุณธนวิชญ์ ต้นกันยา กรรมการผู้จัดการ  Horganice กรรมการและประธานด้านการศึกษาและมหาวิทยาลัย
  6. คุณพิพัฒน์ พิเชฐจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Classwin  กรรมการและประธานด้านสิทธิประโยชน์สมาชิก
  7. คุณภาโรจน์ เด่นสกุล กรรมการผู้จัดการ  Zipevent กรรมการและประธานด้านสมาชิก
  8. คุณเมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ กรรมการผู้จัดการ Vulcan Coalition กรรมการและประธานด้านการมีส่วนร่วมของภาครัฐและกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย
  9. คุณรัชวุฒิ พิชยาพันธ์ กรรมการผู้จัดการ Fixzy กรรมการและประธานด้านภูมิภาค
  10. คุณราชิต ไชยรัตน์ กรรมการผู้จัดการ  Accrevo กรรมการและประธานด้านการตรวจสอบและรัฐสัมพันธ์
  11. คุณวิชัย รามมะเริง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Knockdoor กรรมการและเลขาธิการ
  12. คุณวีร์ สิรสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Primo กรรมการและประธานด้าน Corporate Partnership
  13. คุณศักดิ์ศรัณย์ เมธีวัชรานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Kop Technology กรรมการและประธานด้านการมีส่วนร่วมของสมาชิก
  14. คุณศักดิ์สิทธิ์ เลิศไฝ่คุณธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Condothai กรรมการและประธานด้านกิจกรรม
  15. คุณอมรพล หุวะนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Moreloop กรรมการและประธานด้านการเงินและความยั่งยืน

ผศ.ดร. ยุทธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า งานแรกของสมาคมฯ จากคณะกรรมการชุดใหม่คือ การจับมือกับกรุงเทพมหานครเพื่อจัดงาน HackBKK โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกสมาคมฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการสตาร์ทอัพจากหลายธุรกิจได้ช่วยกันออกแบบโซลูชันเพื่อประชาชนและตอบโจทย์นโยบายของทางภาครัฐ 

ด้าน  ธนกฤษณ์ เสริมสุขสัน อุปนายกดูแลด้านการกลยุทธ์และการต่างประเทศ กล่าวว่า “เราได้ทำการ สอบถามสตาร์ทอัพและสำรวจปัญหาและอุปสรรคต่างๆ พบ 7 อุปสรรคหลัก ๆ คือ 70.1% ของสตาร์ทอัพพบปัญหาเรื่องแหล่งเงินทุน 40.2% ของสตาร์ทอัพเจอปัญหาเกี่ยวกับการหา Tech Talent เช่น software engineers, UX/UI designers 35.5% ของสตาร์ทอัพพบปัญหาเกี่ยวกับการสร้างโมเดลรายได้ที่จะทำกำไร 34.6% ของสตาร์ทอัพ นี้บอกถึงปัญหาของผู้ก่อตั้งหรือผู้บริหารสตาร์ทอัพเอง การที่เราต้องใส่หลากหมวกและการเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้เราไม่สามารถพัฒนาทักษะของตัวเองได้ทัน และเมื่ออยากจ้างคนเก่ง ๆ คนมีประสบการณ์การก็ไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ้างคนเหล่านั้น 31.8% ของสตาร์ทอัพติดปัญหาเรื่องกฏระเบียบต่าง ๆ 30.8% พบอุปสรรคเมื่อต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐและพบเจอปัญหาเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างหรือการทำงานที่สามารถบูรณการกันได้มากยิ่งขึ้น 27.1% ของสตาร์ทอัพ พบอุปสรรคเกี่ยวกับการขยายตลาดที่ไม่ใช่แค่กับบริษัทใหญ่ ๆ ในไทย แต่รวมถึงบริษัทข้ามชาติอีกด้วย ซึ่งเราได้รวบรวมปัญหาต่าง ๆ ออกมาเป็น 5 Key Strategic Focus เรานำปัญหามารวบรวมและทำการ focus initiatives ของสมาคมฯ เป็น 5 หัวข้อ Management Capabilities การพัฒนาผู้ประกอบการและผู้บริหาร, Regulation & Government Procurement การทำงานร่วมกับภาครัฐ, Tech Talent ช่วยหา Tech Talent, Funding หาแหล่งเงินทุน และ Commercialization ช่วยหาเงิน”

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาคมฯ ได้ที่ 

Facebook: Thai Startup – facebook.com 

website: thaistartup.org

สมัครสมาชิกสมาคมฯ หรือสนใจเป็นพันธมิตรกับสมาคมฯ ติดต่อ [email protected] หรือ [email protected]

Share your thoughts